Pume Hair Tonic Booster

แก้ผมร่วงง่ายๆ ด้วยธรรมชาติ

Pume Hair Tonic Booster

สรรพคุณของสมุนไพร แต่ละชนิด

ถั่งเช่า (อ่านต่อคลิก...)

ถั่งเช่า ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเส้นผมได้ดีขึ้น ถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพรที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีนนานนับศตวรรษ มีสรรพคุณทางยาแผนโบราณที่ใช้กันแพร่หลายในประเทศจีนในเรื่องของกระตุ้นสมรรถภาพทางเพศ และใช้เป็นยาบำรุงร่างกาย บำรุงอวัยวะภายใน เช่น ปอด ตับ ไต หัวใจ และหลอดเลือด  อุดมไปด้วยสารต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ โพลีแซคคาไรด์ (galactomannan), นิวคลีโอไทด์ (adenosine, cordycepin), cordycepic acid, กรดอะมิโน และสเตอรอล (ergosterol, beta-sitosterol) นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น โปรตีน วิตามินต่างๆ ( Vit E, K, B1, B2 และ B12) และแร่ธาตุต่าง ๆ (โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม) เป็นต้น [1]

ใบบัวบก (อ่านต่อคลิก...)

ใบบัวบก ช่วยบำรุงรากผมให้แข็งแรง มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ อาการคัน ยับยั้งเชื้อลา สารสกัดด้วยน้ำยังสามารถช่วยลดการติดเชื้อที่เกิดหนอง ทำให้เหมาะสมในการใช้เป็นผลิตภัณฑ์ภายนอก [4]

ชาเขียว (อ่านต่อคลิก...)

ชาเขียว มีส่วนช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผมที่มีสาเหตุมาจากฮอร์โมน ช่วยเร่งการเจริญเติบโตและการขึ้นใหม่ของเส้นผมด้วยการกระตุ้นรากผมและป้องกันความเสียหายของหนังศีรษะและเซลล์เส้นผม ทั้งยังช่วยให้ร่างกายลำเลียงสารอาหารและออกซิเจนไปสู่ผิวหนังได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของเส้นผม เพราะเมื่อมีการไหลเวียนของเลือดที่ดี เส้นผมก็จะหลุดร่วงน้อยลงและหนังศีรษะก็จะมีสุขภาพที่ดีขึ้น [7]

โสม (อ่านต่อคลิก...)

โสม ช่วยป้องกันผมร่วง ทำให้รากผมแข็งแรงขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้รูขุมขนบนศีรษะแข็งแรง เส้นผมไม่หลุดร่วงง่าย ป้องกันเส้นผมแตกปลาย งอเป็นเป็ด ทำให้เส้นผม ยาวพลิ้วสลวย ดูสุขภาพดี เส้นผมเงางาม และช่วยยืดอายุเซลล์ผิวหนังศีรษะช่วยกระตุ้นรากผม ให้ผมยาวขึ้น [10]

กะเม็ง (อ่านต่อคลิก...)

น้ำคั้นจากต้นใช้ย้อมสีผมให้ดำ ทำให้คิ้วหนวดดกดำ ช่วยแก้ผมหงอกก่อนวัย ด้วยการใช้น้ำคั้นจากต้นเคี่ยวกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงา ใช้ทาให้ทั่วศีรษะจะช่วยทำให้ผมดกดำขึ้น และช่วยแก้ปัญหาผมหงอกก่อนวัย [13]

ดอกอัญชัน (อ่านต่อคลิก...)

ดอกอัญชัน มีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติเพิ่มการไหวเวียนของเลือด ช่วยเพิ่มความสามารถในการมองเห็น เนื่องจากสารตัวนี้จะไปเพิ่มการไหลเวียนในหลอดเลือดเล็ก ๆ เช่น หลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับการมองเห็นแข็งแรงขึ้น เพราะมีเลือดไหลเวียนมาเลี้ยงมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพของดวงตา เช่น ตาเสื่อม โรคต้อหิน โรคต้อกระจก เป็นต้น อีกทั้งสารนี้ยังมีประโยชน์ต่อเส้นผม ช่วยกระตุ้นเลือดไปเลี้ยงรากผมทำให้เส้นผมแข็งแรงขึ้น สีผมดกดำ มีน้ำหนัก เป็นประกายเงางาม ช่วยบำรุงหนังศีรษะและรากผมให้แข็งแรง ป้องกันผมหงอกก่อนวัยและผมร่วง [2]

ขิง (อ่านต่อคลิก...)

ขิง มีฤทธิ์ช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา แก้ปัญหาหนังศีรษะ ลอกเป็นขุย [5]

กวาวเครือขาว (อ่านต่อคลิก...)

ช่วยเพิ่มปริมาณเส้นผม และช่วยให้เส้นผมดกดำ ช่วยให้ผมขาวกลับคืนสภาพปกติ ลดการหลุดล่วงของเส้นผม [8]

ว่านหางจระเข้ (อ่านต่อคลิก...)

ว่านหางจระเข้ ประโยชน์ของว่านหางจระเข้กับ 6 คุณสมบัติที่ดีต่อเส้นผม

  1. ช่วยให้เส้นผมเจริญเติบโตได้ดี

ว่านหางจระเข้มีเอนไซม์บางชนิดที่จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วบนหนังศีรษะให้หลุดออก พร้อมกันนี้ก็ยังมีสารอัลคาไลน์ที่จะช่วยปรับค่าของความเป็นกรด-ด่างบนหนังศีรษะให้สมดุลได้ เมื่อหนังศีรษะสมดุลก็จะส่งผลกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผมได้เป็นอย่างดี

  1. ป้องกันรังแค

นอกจากว่านหางจระเข้จะช่วยกำจัดเชื้อราบนหนังศีรษะได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้หนังศีรษะ เมื่อหนังศีรษะชุ่มชื้นมีสุขภาพดี ก็จะช่วยป้องกันอาการคันซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหารังแคได้ในที่สุด

  1. ช่วยให้เส้นผมเปล่งประกายเงางาม

ในว่านหางจระเข้มีสารเคราตินซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญต่อเส้นผม ดังนั้น เมื่อสาวๆ หมักผมด้วยว่านหางจระเข้หรือใช้ผลิตภัณฑ์ครีมนวดผมที่ผลิตจากว่านหางจระเข้เป็นประจำก็จะช่วยปรับสภาพเส้นผมให้นุ่มลื่นเรียบสวย เปล่งประกายเงางามอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นได้

  1. ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่เส้นผม

ว่านหางจระเข้อุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จะช่วยควบคุมการผลิตน้ำมันบนหนังศีรษะ ให้สามารถออกมาในปริมาณที่พอดีได้ จึงทำให้หนังศีรษะสะอาด มีสุขภาพดี ช่วยลดปัญหาผมมัน และยังช่วยให้เส้นผมที่งอกขึ้นใหม่มีโครงสร้างแข็งแรงขึ้นด้วย

  1. ช่วยลดปัญหาผมแตกปลาย

ปัญหาผมแห้งแตกปลาย ย่อมสร้างความไม่สบายใจให้สาวๆ ได้มากทีเดียว แต่เพียงคุณใช้สูตรจากว่านหางจระเข้นี้รับรองจะช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลายให้ลดลงได้ค่ะ เพียงนำวุ้นว่านหางจระเข้มาผสมกับน้ำมะนาวในอัตราส่วนครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นให้นำมาลูบที่บริเวณปลายผม แล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาที จากนั้นล้างให้สะอาดด้วยน้ำอุ่น การหมักผมด้วยว่านหางจระเข้และน้ำมะนาวนั้น สองส่วนผสมดังกล่าวจะทำหน้าที่ผสานคุณค่ากัน โดยจะช่วยกำจัดน้ำมันส่วนเกิน ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้เส้นผมและช่วยแก้ปัญหาผมแตกปลายให้ลดลงได้

  1. ลดปัญหาผมขาดหลุดร่วง

สรรพคุณของว่านหางจระเข้ยังช่วยฟื้นฟูรูขุมขนบนหนังศีรษะให้กลับมามีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ และเมื่อรูขุมขนกลับมาเป็นปกติแล้ว หนังศีรษะก็จะสะอาด ส่งผลทำให้เส้นผมเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างแข็งแรงสุขภาพดี และช่วยลดปัญหาการหลุดร่วงได้อย่างง่ายดายอีกด้วย [11]

กานพลู (อ่านต่อคลิก...)

ช่วยให้รากผมแข็งแรง ขจัดรังแค ยับยั้งการเจริญ และการสร้างสารอะฟลาทอกซินของเชื้อรา ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด [14] [15] [16]

มะหาด (อ่านต่อคลิก...)

สารสกัดจากมะหาด ช่วยลดอาการผมร่วง กระตุ้นการงอกของเส้นผม ช่วยลดความคล้ำของเม็ดสีผิว มีฤทธิ์ยับยั้งเอมไซม์ไทโรซิเนส ช่วยทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำแลดูจางลง ลดความคล้ำของเม็ดสีผิว แก้เริม ทำให้โรคผิวหนังค่อยๆ หายไป [3]

มะกรูด (อ่านต่อคลิก...)

มะกรูด ทำให้ผมดำเป็นเงางาม และช่วยกำจัดรังแคแก้คันศีรษะ แก้ผมแตกปลายป้องกันผมร่วง และทำให้ผมหงอกช้า  มะกรูดเป็นสมุนไพรธรรมชาติ จึงไม่ต้องกลัวแพ้เหมือนแชมพูที่ทำจากสารเคมี ที่สำคัญมะกรูดบำรุงผมได้ทุกชนิด คนผมแห้งหรือผมมันก็สามารถใช้ได้ [6]

มะขามป้อม (อ่านต่อคลิก...)

ผลแห้งของมะขามป้อมมีสรรพคุณ เป็นสารชะล้างอ่อนๆ คนอินเดียนิยมนำมา ใช้ทำเป็นแชมพูสระผม คนอินเดียเชื่อว่ามะขามป้อมบำรุงผม ช่วยทำให้ผมดกดำและป้องกันผมหงอกก่อนวัย ป้องกันผมร่วง ในอินเดียมีการนำมะขามป้อมมาทำเป็นน้ำมันบำรุงให้ผมดกดำ ป้องกันการหงอกก่อนวัย [9]

มะคำดีควาย (อ่านต่อคลิก...)

ผลใช้รักษาชันนะตุบนศีรษะ แก้เชื้อรา แก้รังแค (โรคผิวหนังพุพองบนศีรษะเด็ก) ด้วยการใช้ผลประมาณ 4-5 ผล นำมาแกะเอาแต่เนื้อ นำไปต้มกับน้ำประมาณ 1 ถ้วย แล้วใช้น้ำทาบนศีรษะที่เป็นชันนะตุวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น จนกว่าจะหาย หรือจะใช้เนื้อผล 1 ผล นำมาตีกับน้ำจนเกิดเป็นฟอง แล้วใช้สระผมวันละ 1 ครั้ง จนกว่าจะหาย (บางข้อมูลระบุว่าสามารถช่วยป้องกันผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย แก้อาการคันหนังศีรษะ ช่วยลดความมันบนหนังศีรษะ บำรุงรากผมให้แข็งแรง ช่วยขจัดตัวเหา ไข่เหา หรือนำไปหมักเอาน้ำทาแก้โรคสะเก็ดเงิน) แต่ต้องระวังอย่าให้เข้าตา เพราะจะทำให้แสบตา ตาอักเสบได้ และไม่ควรทิ้งไว้นานจนเกินไป [12]

เอกสารอ้างอิง

[1] สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

[2] ประโยชน์ดอทคอม : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://shorturl.asia/9dchP

[3] Sanook : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.sanook.com/women/13185/

[4] คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาเชียงใหม่ : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.pharmacy.cmu.ac.th/makok.php?id=184

[5] Medthai : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://medthai.com/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87/

[6] หมอชาวบ้าน : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.doctor.or.th/article/detail/3662

[7] ไทยรัฐออนไลน์ : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.thairath.co.th/women/beauty/1860889

[8] Medthai : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://shorturl.asia/JwauG

[9]  หมอชาวบ้าน : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.doctor.or.th/article/detail/1901

[10] Line to day : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://shorturl.asia/lNACQ

[11] Sanook : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.sanook.com/women/55515/

[12] Medthai : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://shorturl.asia/SPfmG

[13] Medthai : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://shorturl.asia/68U4d

[14] ไทยรัฐออนไลน์ : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://www.thairath.co.th/content/338781

[15] Medthai : ลิ้งค์ที่เข้าถึง https://shorturl.asia/4Tbr3

[16] ฐานข้อมูลเครื่องยาสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี : ลิ้งค์ที่เข้าถึง http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=18